สิ่งนึงที่รู้สึกได้ และเห็นชัดเจนขึ้น คือ it’s ok to make a mistake เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราทำผิดพลาดอะไรไป จะแก้ไขมันยังไง แล้วจะป้องกันมันอย่างไร
เพราะเราเป็นคน เหนื่อยได้ เจ็บได้ ทำพลาดได้ เสียใจได้ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือการพลั้งพลาดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจหรือไม่รอบคอบ ให้เรารับทราบและพร้อมจะแก้ไข เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
ยิ่งความผิดบางอย่าง ไม่อาจ restore หรือ recover ใดๆได้ จิตใต้สำนึกที่รู้สึกผิดอย่างมหาศาลจะยิ่งเพิ่มพูน หลายคนยิ่งรับมันมากเข้า มากเข้า ความรู้สึกผิดนั้นมันจะกลายเป็น self-destruction
“เราทำได้ไม่ดีเลย”
“เรายังทำได้ไม่ดีพอ”
ฟังเผินๆ ดูเหมือนจะเป็นการที่ตัวเองชี้ช่องบกพร่องของตัวเอง เพื่อเติมเต็มให้มันดีขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งกลับเป็นชุดความคิดที่สร้างความกดดันมหาศาลทางจิตใจ ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้า การเปรียบเทียบในเชิงลบและความเครียดแบบไม่รู้ตัว
หากไม่มี self awareness, การเข้าใจธรรมชาติของความรู้สึกและการจัดการที่เหมาะสม ตะกอนความรู้สึกนี้ จะแขวนลอยอยู่ในสภาพจิตใจ ยิ่งตะกอนมีมวลมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งก่อให้เกิด self-destruction มากขึ้นเท่านั้น
เอาจริงๆแล้ว ทางออกง่ายๆมันมี
หากเราทำมันอย่างเต็มที่ที่สุด จนสุดความสามารถแล้ว ให้บอกกับตัวเองว่า
เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดข้อผิดพลาดและปัญหาใดๆตามมา
ก่อนจะทำร้ายความรู้สึกตัวเอง บอกกับตัวเองไปก่อนว่า “ไม่เป็นไรมึง มึงทำเต็มที่แล้ว เอาใหม่นะ”
เหมือนกับเวลาเพื่อนเข้ามาหาเรา ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจกับอะไรสักอย่างที่เค้ารู้สึกว่าเค้าทำพลาดไปแล้ว ไม่ไหวแล้ว
เราบอกกับเพื่อนยังไง เราก็บอกกับตัวเองแบบนั้นบ้าง
เราปลอบเพื่อนยังไง เราก็ปลอบตัวเองอย่างนั้นบ้าง
เราซับน้ำตาให้เพื่อนยังไง เราก็ซับน้ำตาให้ตัวเองอย่างนั้นบ้าง
“ไม่เป็นไรนะ สู้ๆ อะไรที่ทำดีแล้ว ทำต่อไป อะไรที่คิดว่าอยากทำให้ดีกว่านี้ ตอนนี้พักไปก่อน แล้วค่อยมาเริ่มกันใหม่”
รู้จัก ให้อภัยตัวเองบ้าง
รู้จัก appreciate สิ่งใดๆ ที่ตัวเองทุ่มเทแรงกายแรงใจทำมันลงไปบ้าง
รู้จัก ให้รางวัลตัวเองเล็กๆน้อยๆ กับอะไรที่ทำสำเร็จเป็นส่วนๆ
อะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ ก็เก็บไว้ให้รางวัลตัวเองทีหลัง ตอนที่เราค่อยๆเข้าใกล้มัน ค่อยๆสะสมรางวัลไปทีละน้อย ละน้อย มันจะค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อเราเจอเรื่องผิดพลาดในภายหลังและพลังใจที่จะทำสิ่งใดๆ ให้สำเร็จจนเสร็จสมบูรณ์ได้ต่อ
หากเราให้อภัยคนอื่นเก่งและง่ายเหลือเกิน แล้วทำไมเราถึงจะไม่ให้อภัยตัวเองแบบนั้นได้บ้างล่ะ
เมื่อเราเองก็เป็นคนและคนเราเกิดมาทำสิ่งผิดพลาดได้ตลอดเวลา “หน้าที่” ของการเกิดมาเป็นคนคือเรียนรู้จากสิ่งผิดพลาดนั้นและจะไม่ทำมันซ้ำโดยมีเจตนา
การอยากเป็นหรือทำอะไรที่ดีขึ้น เป็นความตั้งใจที่ดีและน่ายกย่อง แต่พื้นฐานของการพัฒนาใดๆ ต้องรู้จักโอบรับความผิดพลาด โอบรับความไม่สมบูรณ์แบบ กอดมันด้วยรอยยิ้ม ร้องไห้ได้ ให้นิดนึง แล้วเปลี่ยน focus ไปที่เราทำอะไรเสร็จไปแล้วบ้าง เราจะให้อะไรเป็นรางวัล พอเต็มกำลังใจ ค่อยเอาพลังงานมาใช้จัดการปัญหาที่เราเจอต่อไป
เมื่อไหร่ที่เรารู้จักยอมรับและให้อภัยตัวเองเป็น เราจะเข้าใจว่าการเคารพตัวเองและการรักตัวเองเป็นอย่างไร
แค่นั้นแหล่ะ
แด่ ฉันที่กำลังอายุ 26,
We’re human and it’s ok to make a mistake.